วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

โรคที่สำคัญในยางพารา

1.โรคที่สำคัญในยางพารา และการป้องกันกำจัด     1.1 โรคราแป้ง
           สาเหตุ             เกิดจากเชื้อราออยเดียม (Oidium heveae)
           ลักษณะอาการ     ใบอ่อนจะบิดงอ มีสีดำแล้วร่วง ใบเพสลาดจะมีแผลขอบเขตไม่แน่นอน บนแผลจะมีขุยของเส้นใย สีขาวเทาบนด้านล่างของแผ่นใบ ใบแก่แผล
                                จะมีรอยสีเหลืองซีด เฉพาะบริเวณที่เชื้อราเข้าทำลาย ดอกยางจะมีปุยเชื้อราสีขาวเทาปกคลุม ก่อนที่จะดำแล้วร่วง
           การแพร่ระบาด    ระบาดมากในพื้นที่ที่มีสภาพกลางวันร้อนจัด กลางคืนเย็นชื้น ตอนเช้ามีหมอก และเป็นช่วงที่ต้นยางผลิใบอ่อน
           การป้องกันกำจัด   ปลูกยางพันธุ์ต้านทานโรค
                                ใช้สารป้องกันกำจัดโรค (ตารางที่ 3)

     1.2 โรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อราไฟทอปโทร่า
           สาเหตุ             เกิดจากเชื้อราไฟทอปโทร่า (Phytophthora botryosa, P. palmivora, และ P.micortianaevar. parasitica)
           ลักษณะอาการ     ใบร่วง ก้านใบช้ำสีดำมีน้ำยางเกาะติดอยุ่ ฝักยางจะเน่าดำ และไม่แตกร่วงจากต้น
           การแพร่ระบาด    ระบาดมากในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกและความชื้นสูง
           การป้องกันกำจัด   ปลูกยางพันธุ์ต้านทานโรค
                                ตัดแต่งกิ่งและกำจัดวัชพืชในสวนยางให้โล่งเตียน เพื่อลดความชื้นและความรุนแรงของโรค
                                ใช้สารป้องกันกำจัดโรค (ตารางที่ 3)

     1.3 โรคเส้นดำ
           สาเหตุ             เกิดจากเชื้อราไฟทอปโทร่า (Phytophthora botryosa, P. palmivora)
           ลักษณะอาการ     บริเวณเหนือรอยกรีดเป็นรอยช้ำ ต่อมาเป็นรอยบุ๋มขยายตัวตามแนวขนานกับลำต้น เมื่อเฉือนเปลือกออกให้ลึกถึงเนื้อไม้ จะเห็นลายเส้นสีดำ
                                บนเนื้อไม้
           การแพร่ระบาด    ระบาดมากในพื้นที่ที่มีฝนตกชุก และความชื้นสูง
           การป้องกันกำจัด   ปลูกยางพันธุ์ต้านทานโรค
                                ตัดแต่งกิ่งก้าน และกำจัดวัชพืชในสวนยางให้โล่งเตียน เพื่อลดความชื้นและความรุนแรงของโรค
                                ไม่กรีดยางในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันการเกิดโรคเส้นดำ
                                ใช้สารป้องกันกำจัดโรค (ตารางที่ 3)

                
     1.4 โรครากขาว
           สาเหตุ             เกิดจากเชื้อราริจิโดโพรัส (Rigidoporuslignosus)
           ลักษณะอาการ     พุ่มใบมีสีเหลืองบางส่วนหรือทั้งต้น เมื่อขุดรากจะพบเส้ยใยสีขาวปลายแบนเกาะติดอยู่บนผิวราก เมื่อเส้นใยแก่ จะกลมนูนสีเหลืองซีด มีดอกเห็ด
                                เกิดบริเวณโคนต้น ลักษณะเป็นแผ่นแข็งครึ่งวงกลม แผ่นเดียวหรือซ้อนกันเป็นชั้นๆ ผิวด้านบนของดอกเห็ดเป็นสีเหลืองส้ม โดยมีสีเข้มและอ่อน
                                เรียงสลับกันเป็นวง ผิดด้านล่างเป็นสีส้มแดงหรือน้ำตาล ขอบดอกเป็นสีขาว
           การแพร่ระบาด    ระบาดมากในพื้นที่สวนยางปลูกใหม่ หลังจากโค่นต้นไม้ ในป่าที่เป็นแหล่งโรค และระบาดมากในช่วงฤดูฝน
           การป้องกันกำจัด   พื้นที่ที่มีการระบาดโรคไม่ควรปลูกพริกขี้หนู มะเขือเปราะ มันเทศ มันสำปะหลัง น้อยหน่า เพราะเป็นพืชอาศัยของโรค
                                ขุดคูล้อมรอบต้นยางที่เป็นโรคไม่ให้รากยางที่เป็นโรคสัมผัสกับรากที่ไม่เป็นโรค
                                ใช้สารป้องกันกำจัดโรค (ตารางที่ 3)

                
                  1/ ในวงเล็บคือ เปอร์เซ็นต์สารออกฤทธิ์และสูตรของสารป้องกันกำจัดโรคพืช
 2.แมลงศัตรูที่สำคัญและการป้องกันกำจัด
     2.1
ปลวก
           ลักษณะและการทำลาย             ปลวกที่กินรากยาง จะสังเกตโดยจับปลวกทหาร (มีกรามใหญ่) มางับสิ่งหนึ่งสิ่งใดมันจะคายหยดน้ำนมออกมา เมื่อปลวกกิน
                                                 รากยางจนถึงภายในลำต้นยางจนเป็นโพรงจะทำให้พุ่มใบของต้นยางมีสีเหลืองผิดปกติและทำให้ต้นยางยืนต้นตายได้
           การป้องกันกำจัด                     ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง ฟิโพรนิล (5% เอสซี) อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
                                                  คาร์โบซัลแฟน (20% อีซี) อัตรา 40-80 มิลลิิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ราดรอบโคนต้นที่ถูกปลวกทำลายและต้นข้างเคียงต้นละ
                                                    1-2 ลิตร
     2.2 หนอนทราย
           ลักษณะและการทำลาย             เป็นตัวอ่อนของด้วงชนิดหนึ่ง มีรูปร่างเหมือนตัวซี สีขาว จะกัดกินรากยาง ทำให้พุ่มใบของต้นยางมีสีเหลืองผิดปกติ เมื่อขุดดูราก
                                                จะเห็นรอยถูกกัดกินรอบๆ รากแก้วจนถึงโคนต้น ทำให้ต้นยางตายเป็นหย่อมๆ พบมากในแปลงต้นกล้ายางที่ปลูกในดินทราย
           การป้องกันกำจัด                     ใช้สารป้องกันกำจัดแมลง ฟิโพรนิล (5% เอสซี) อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
                                                  คาร์โบซัลแฟน (20% อีซี) อัตรา 40-80 มิลลิิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ราดรอบโคนต้นที่ถูกหนอนทรายทำลายและ
                                                     ต้นข้างเคียงต้นละ 1-2 ลิตร


 3.วัชพืชและการป้องกันกำจัด          การป้องกันกำจัด                     ไถและพรวนดินอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนปลูก
                                                 เก็บเศษซากวัชพืชออกให้หมดหลังการพรวนดิน
                                                 ใช้แรงงาน ขุด ถาก ดายหรือตัดวัชพืชที่ขึ้นในแถวยาง และควรทำก่อนวัชพืชออกดอก
                                                 ใช้วัสดุคลุมดิน โดยนำวัสดุเหลือใช้ต่างๆ เช่น เปลือกถั่ว ฟางข้าว ซังข้าวโพดหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ เป็นต้น คลุมโคนต้นยางเฉพาะต้น หรือตลอดแนว เว้นระยะพอควรไม่ชิดโคนต้นยาง
                                                 ปลูกพืชคลุมดินตระกูลถั่วซีรูเลี่ยมห่างจากแถวยางประมาณ 2 เมตร
                                                 พ่นสารกำจัดวัชพืชตามคำแนะนำในตารางที่ 4

              หมายเหตุ : 1 ในวงเล็บคือเปอร์เซ็นต์สารออกฤทธิ์และสูตรของสารป้องกันกำจัดวัชพืช
                           2 ใช้น้ำ อัตรา 50 ลิตรต่อไร่
                           3 ใช้น้ำ อัตรา 100 ลิตรต่อไร่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น